GSM N9+ with Voice Sensor อุปกรณ์ดักฟังเสียง

เครื่องดักฟังเสียง ขนาดจิ๋ว เป็นอุปกรณ์ดักฟังเสียงขนาดเล็ก ความยาวเท่ากับ 2 ข้อนิ้วมือ กว้างเพียง 2 ซม. สื่อสารกันด้วยโทรศัพท์ (GSM)

• โทรเข้าเบอร์โทรศัพท์ดักฟังเสียงได้เลย
• ไม่ต้องใช้ SMS ในการส่งเปลี่ยนโหมดดักฟัง
• ตั้งค่าให้อุปกรณ์ดักฟังเสียง โทรกลับเมื่อได้ยินเสียงสนทนาเกิดขึ้น
• การชาร์ท 1 ครั้งสามารถใช้งานได้ถึง 2-3 วัน โดยประมาณ แนะนำให้ต่อพ่วงกับเพาเวอร์แบงค์ เมื่อต้องการใช้งานนานๆ

อุปกรณ์ดักฟังเสียง - รุ่นพิเศษ

• ตรวจสอบพฤติกรรมคนรัก #มีการสนทนา กับใครบ้าง? ที่น่าสงสัย
• ตรวจสอบลูกน้อง มีปัญหาจากการทำงาน เพื่อนร่วมงาน แอบนินทา หรือ พูดคุยในเรื่องที่เข้าใจผิด จะได้อธิบายให้เข้าใจถึงข้อเท็จจริง
• เจ้าหน้าที่ราชการ ตำรวจ ทหาร ผู้คุม เพื่อการตรวจสอบหาข้อมูล หลักฐาน เบาะแส ต่างๆ ในนัดแนะการกระทำผิด
• ค้นหาความจริง ที่เกิดขึ้นกับลูกๆ ของเรา ในสถานที่โรงเรียน เช่น โดนรังแก หรือ สงสัยพฤติกรรมของเพื่อนนักเรียน หรือ ครูทำร้ายร่างกาย อาจจะซุกซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกง หรือทำเป็นสายคล้องคอ ลูกๆ ก็สามารถทำได้
• สามารถตั้งค่าได้ เมื่อมีการสนทนาเกิดขึ้นให้อุปกรณ์ดักฟังสามารถโทรหาเราได้
• รุ่นนี้ไม่ต้องติดตั้ง ใส่ซิม และ นำเอาไปซ่อนก็สามารถใช้งานได้เลยทันที!
• ใช้เวลาในการชาร์ทต่อครั้ง ครึ่งชม - ชั่วโมงโดยประมาณ
• น้ำหนัก: 16g
• ขนาด: 4x2x1.5 cm

วิธีการใช้งานอุปกรณ์ดักฟังเสียง

• 1.) ซื้อซิมการ์ดมาใช้งาน แนะนำเป็นซิมแบบเติมเงิน
• 2.) แนะนำเป็น SIM TRUE หรือ AIS ต้องเป็น SIM 2G ขนาดใหญ่ (เติมเงินเข้าไปในซิม)
• 3.) แกะฝาที่ใส่ซิมออก นำซิมมาใส่ ถ้าใส่ถูกต้อง จะมีไฟกระพริบๆ ประมาณ 3 ครั้ง (ถ้าไฟไม่ขึ้น แสดงว่าแบตหมดให้ทำการชาร์ทแบตก่อนใช้งาน)
• 4.) เมื่อใส่ซิมเรียบร้อย รอสัก 1 นาที เพื่อให้เครื่องดักฟังจับสัญญาณของมือถือ หรือ GSM
• 5.) ต้องการดักฟังเสียงสนทนา ให้ทำการโทรเข้าหาเบอร์ซิมที่อยู่ในเครื่องดักฟังได้ทันที
• 6.) เครื่องดักฟังเสียง จะทำการรับสายของเราให้อัตโนมัติ จากนั้นเราก็จะได้ยินเสียงสนทนาบริเวณรอบข้าง การดักฟังเสียงง่ายมาก ใช้งานเหมือนเราโทรหาเพื่อนทั่วๆ ไป
• 7.) การใช้งานครั้งแรก หลังจากการที่เราวางสายไปแล้ว จะมี SMS ส่งมาบอกเราว่า แสดงว่าอุปกรณ์เครื่องดักฟังเสียงจำเบอร์เราไว้เรียบร้อยแล้ว "Set Service Center Number Ok!"
• 8.) การตั้งค่าให้เครื่องดักฟังโทรกลับเรา เมื่อบริเวณรอบข้างของเครื่องดักฟัง เกิดการสนทนาขึ้นมา ให้เราส่ง SMS ข้อความ "1111" ไปยังเบอร์ซิมที่อยู่ในอุปกรณ์ดักฟังเสียง เพื่อเปิดระบบ Voice Sensor Control หากถูกต้องจะมี SMS ตอบกลับว่า "Sound Control Ok" แสดงว่าเปิดระบบจับเสียงและโทรกลับเรียบร้อย (เมื่อเบอร์ซิมโทรกลับให้รับสายทันทีเพื่อยินเสียงสนทนา)
• 9.) การตั้งระดับปรับเสียงสำหรับโหมดโทรกลับ สามารถตั้งค่าได้ตั้งแต่ 30-100 โดยระดับ 100 จับเสียงเบาและโทรกลับได้ง่ายสุด ส่วนระดับ 30 ต้องเกิดเสียงดังมากๆ ถึงจะโทรกลับ
  วิธีการตั้งค่าปรับระดับเสียง: พิมพ์ SMS เช่น "level,100#" แล้วส่งไปยังเบอร์ในอุปกรณ์ จะได้ SMS ตอบกลับ "Sound Control Setting OK! Sensitivity:100" (ตัวอย่าง: level,50# → "Sound Control Setting OK! Sensitivity:50", level,30# → "Sound Control Setting OK! Sensitivity:30")
• 10.) หากไม่ต้องการให้อุปกรณ์โทรกลับ ส่ง SMS "0000" ไปยังเบอร์ในอุปกรณ์ จะได้ SMS ตอบกลับ "Sound Control Shutdown ok!" แสดงว่าโหมดจับสัญญาณและโทรกลับถูกปิดแล้ว
• 11.) สติ๊กเกอร์การรับประกันอย่าดึง แกะ หรือ ฉีก ออกเด็ดขาด เพราะทางร้านจะไม่สามารถเคลมให้ได้
• 12.) ช่องรูรับเสียงไมค์ (mic) อย่าเอาผ้า เทป กาว หรือกระดาษ ไปปิด เพราะจะทำให้เกิดปัญหาในการได้ยินเสียง
• 12.1) เช็คเรื่อง % แบตเตอรี่: ชาร์ทก่อนใช้งานทุกครั้ง (ถ้าใส่ซิมแล้วไม่มีไฟกระพริบ แปลว่าแบตหมด) ถอดซิมก่อนชาร์ททุกครั้ง ใช้ซิมทรูดีที่สุด ซิมต้องเปิดสัญญาณและเติมเงิน ระวังกรอบซิมหลุด ใช้เทปกาวหรือกาวตราช้างยึดรอยต่อให้แน่นก่อนใส่
• 12.2) ตัวเครื่องดักฟังเสียง: หากใช้งานบ่อยและโทรไม่ติด อย่าโทรซ้ำๆ อาจทำให้เครื่องค้าง ควรรอสักครู่แล้วโทรใหม่ หรือเช็คซิมกับโทรศัพท์ปกติก่อนใส่กลับ
• 12.3) การรับประกันเครื่อง: หากเช็คแล้วใช้งานไม่ได้ อย่าแกะหรืองัดฝาในระยะประกัน 60 วัน ส่งกลับร้านเพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนเครื่องใหม่